ความเชื่อเรื่อง เครื่องรางของขลัง มีมาแต่ครั้งโบราณ เรื่องของไสยศาสตร์ สิ่งอาถรรพ์ ความลี้ลับ เป็นความเชื่อที่มีอยู่ในสังคมไทย คนไทยเชื่อว่าไสยศาสตร์มีทั้งสายดำและสายขาว ไสยศาสตร์มนต์ดำมีไว้ทำลายร้าง ส่วนไสยศาสตร์สายขาวมีไว้ป้องกัน เครื่องรางของขลัง ที่จะกล่าวถึงนี้เป็นเครื่องรางสำหรับป้องกัน ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เสริมอำนาจ บารมี ในบทความนี้จะได้รวบรวมเครื่องรางของขลังมา 10 อย่าง ที่คนไทยนิยมบูชากัน
1. ตะกรุด
ตะกรุด เป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่ถูกสร้างขึ้นโดยอ้างถึงความเชื่อทางไสยเวทย์ ความเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ผูกพันกับสังคมไทยมาช้านาน เชื่อกันว่าตะกรุดสามารถปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายให้แคล้วคลาด ป้องกันภยันตราย ภัยพิบัติทั้งปวง คงกระพัน เสริมโชคลาภ เมตตามหานิยม สมัยโบราณตะกรุดนิยมทำจากใบลาน หนังสัตว์ เช่น หนังเสือ หนัง หรือจากกระดูกสัตว์ กระดูกช้าง ตะกรุดเขาวัวเผือก หรือทำจากไม้มงคลต่าง ๆ เช่น ไม้ไผ่ ไม้ขนุน ไม้คูน ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปตะกรุดยุคหลัง ๆ ส่วนใหญ่ทำด้วยโลหะ ในช่วงแรก ๆ มักจะทำด้วยแผ่นตะกั่ว ยุคต่อมาใช้โลหะหลากชนิดมากขึ้น เช่น แผ่นทองแดง แผ่นเงิน แผ่นทองคำ หรือโลหะมงคลอื่น ๆ รีดโลหะเป็นแผ่นบาง ๆ มาลงอักขระคาถาด้วยเหล็กจาร แล้วม้วนให้เป็นท่อกลมร้อยเชือก บางสำนักพอกผงวิเศษ ลงรัก ถักเชือก เพิ่มความคงทนให้ตัวตะกรุด
รูปแบบของตะกรุดก็มีพัฒนาจากดอกใหญ่ ๆ หนา ๆ ก็ค่อย ๆ ลดขนาดลง บางทีจัดทำเป็นดอกเล็ก ๆ ไว้พกติดตัว หรือตะกรุดบางอาจารย์สามารถตอกฝังเข้าไปในร่างกายได้เลย ปัจจุบันก็มีตะกรุดรูปแบบใหม่ทำจากปลอกลูกปืน ตะกรุดใช้การบูชาตะกรุดมี 2 แบบ คือใช้คล้องคอ ใช้คาดเอว ตะกรุดถ้าเป็นดอกเดียว เรียกว่า “ตะกรุดโทน” ถ้าเป็นสองดอกจะเป็น ตะกรุดแฝด ถ้ามี 16 ดอกเรียกว่า “ตะกรุดโสฬส”
2. เบี้ยแก้
“เบี้ย” คือหอยทะเลหรือเรียกว่าหอยเบี้ย เป็นเงินที่ใช้จ่ายกันในยุคก่อน ภายหลังกลายมาเป็นเบี้ยแก้ได้นั้น เนื่องจากหอยเบี้ย นอกจากนำมาใช้เป็นเงินซื้อขายแลกเปลี่ยนแล้วนั้น มีการนำเอาหอยเบี้ยมาแก้บนบางก็เชื่อว่าเบี้ยเป็นสิ่งมงคลในตัว จึงทำให้พระเกจิอาจารย์ต่างๆ นำหอยเบี้ยลงคาถาอาคมแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์นำไปบูชาพกพาติดตัวเพื่อเป็นสิริมงคล
การทำเบี้ยแก้ตามตำรับโบราณนั้น พระเกจิอาจารย์จะนำหอยเบี้ยที่สมบูรณ์ มาลงอักขระคาถาอาคม บรรจุปรอท ลงในตัวเบี้ย ปิดด้วยชันโรง ห่อด้วยแผ่นตะกั่วหุ้มด้วยด้ายถักแล้วลงรักอีกที พระเกจิอาจารย์แต่ละท่านจะมีวิชาอาคมที่แตกต่างกันไป การบูชาเบี้ยแก้ นิยมมาผูกเอวหรือห้อยคอ บางสำนักให้เอาเบี้ยแก้แช่น้ำเพื่อดื่มหรืออาบ ว่ากันว่าป้องกันคุณไสยสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ดีนัก
3. ปลัดขิก
“ปลัดขิก” เป็นเครื่องรางของขลังที่ได้รับความนิยมในวงการพระเครื่อง ปลัดขิกส่วนมากแกะสลักจากไม้ ที่เป็นไม้มงคล หรือทำจากวัสดุอื่นอีก เช่น ทำจากโลหะทองเหลือง ทองแดง ไม้กัลปังหา เขาสัตว์ งา เขี้ยวสัตว์ แกะสลักเป็นรูปคล้ายอวัยวะเพศชาย มีขนาดต่าง ๆ กัน เมื่อทำการแกะสลักเสร็จแล้วพระเกจิอาจารย์ท่านก็จะนำมาจารอักขระรอบตัวปลักขิกพร้อมบริกรรมคาถา เชื่อกันว่าปลัดขิกให้คุณด้านเมตตามหานิยม ป้องกันภัย กำจัดสิ่งเลวร้าย ปลักชิกได้รับความนิยม เช่น ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ปลัดขิกหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ปลัดขิกหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดวน ฯลฯ
4. มีดหมอ
“มีดหมอ” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงมีดที่เป็นของคุณหมอตามโรงพยาบาล ไม่ได้หมายถึงอุปกรณ์ในทางการแพทย์แต่อย่างไร คำว่ามีดหมอในวงการพระเครื่อง หมายถึงมีดที่เป็นวัตถุอาถรรพ์ เป็นมีดที่ลงอาคมปลุกเสกด้วยไสยเวท ใช้เป็นเครื่องรางขลังปราบคุณไสย มนต์ดำ ภูตผีปีศาจ สิ่งอัปมงคลต่าง ๆ ในสมัยโบราณใช้มีดหมอฟันแทงศัตรูที่มีวิชาอยู่ยงคงกระพัน
การสร้างมีดหมอของไทยเรานั้นมีมานาน มีทั้งที่เอามีดทั่ว ๆ ไป มาลงอักขระเลขยันต์ แล้วปลุกเสก แต่มีดหมอที่คนในวงการพระเครื่องนิยมคือ มีดหมอที่ทำขึ้นมาเพื่อเป็นของขลังโดยตรง มีการคัดเลือกโลหะที่จะมาหลอมเป็นใบมีดต้องถูกต้องตามตำรา ใบมีดมีการจารอักขระคาถา ด้ามมีดฝักมีดทำด้วยงา มีหลายขนาด ขนาดที่ได้รับความนิยม คือ ขนาดพอเล็กไว้พกติดตัวเหมือนพกปากกา มีดหมอที่ได้รับความนิยม คือ มีดหมอหลวงพ่อเดิม วัดบางโพ มีดหมอหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม มีดหมอหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ เป็นต้น
5. เขี้ยวเสือ
“เขี้ยวเสือ” เสือถือว่าเป็นเจ้าป่า มีรูปร่างใหญ่โต มีอำนาจ ดุร้าย น่าเกรงขาม เขี้ยวเสือเป็นของศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติ บรรดาพระเกจิอาจารผู้มีวิทยอาคมขลังต่างนิยมนำเอาเขี้ยวเสือมาทำเครื่องรางของขลัง มีทั้งการนำเอาเขี้ยวเสือทั้งเขี้ยวมากจารอักระ หรือเอาเขี้ยวเสือมาแกะสลักเป็นเสือและจารอักขระคาถา พร้อมทั้งบริกรรมเวทมนต์กำกับ เขี้ยวเสือให้คุณเด่นทางมหาอำนาจ ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดใครมีไว้บูชามีแต่คนนับถือเกรงขาม ยิ่งเป็น เขี้ยวเสือกลวง จะมีพลังอำนาจมากที่สุด มีอิทธิฤทธิ์อยู่ในตัวมากยิ่งกว่าเขี้ยวเสือตัน เขี้ยวเสือที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย
6. กุมารทอง
“กุมารทอง” นั้น ตามตำรับโบราณว่า เป็นการนำเอาเด็กที่ตายในท้อง โดยอาจารย์ไสยเวทย์จะทำพธีผ่าท้องศพแม่แล้วเอาศพเด็กออกมาย่างไฟให้แห้งแล้วเอามาปิดทอง จารอักขระ แล้วสวดคาถาสะกดวิญญาณให้กลับมาอยู่ในกุมารทอง เพื่อที่อาจารย์ใสยเวทก็เรียกใช้กุมารทองไว้เป็นบริวาร
กุมารทองมักสร้างเป็นรูปเด็กผมจุก นุ่งโจงกระเบน เป็นเครื่องรางของขลัง ผู้บูชาต้องเลี้ยงให้ความรัก ให้ข้าวให้น้ำ อาหารหวานคาว โดยเฉพาะน้ำแดง และต้องมีของเล่นให้กุมารทองเล่นด้วย กุมารทองจะให้คุณ เช่น ช่วยคุ้มครองบ้าน ขับไล่เสนียดจัญไร ช่วยเรื่องการค้าธุรกิจ กุมารทองที่เป็นที่นิยม คือ กุมารทองหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม กุมารทองหลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม กุมารทองหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ฯลฯ
7. ผ้ายันต์
“ผ้ายันต์” เป็นวัตถุมงคลประเภทหนึ่ง ผ้ายันต์มีขนาดเล็กเท่ากับผ้าเช็ดหน้าหรืออาจจะใหญ่กว่าเล็กน้อย นิยมทำด้วยผ้าฝ้าย ผ้าโทเร ผ้าลินิน มีสี สีขาว สีแดง สีเหลือง หรือหลายสีในผืนเดียว
ผ้ายันต์เป็นเครื่องรางมาแต่สมัยโบราณ สร้างขึ้นโดยพระเกจิอาจารย์ผู้มีอาคม บนผ้ายันต์จะมีลวดลายและเขียนเป็นอักขระคาถาตามแบบของพระเกจิอาจารย์แต่ละท่าน คุณสมบัติของผ้ายันต์ เช่น ด้านคงกะพัน เมตตามหานิยม ในสมัยก่อนพระเกจิอาจารย์มักเขียนผ้ายันต์ด้วยมือ แต่ในสมัยนี้เป็นการพิมพ์ ผ้ายันต์ได้แตกแขนงเป็นเสือยันต์ก็มี ผ้ายันต์ที่ได้รับความนิยม คือ ผ้ายันต์หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ผ้ายันต์พัดโบกหลวงปู่คร่ำ วัดบางคร้า ผ้ายันต์หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ เป็นต้น
8. หนุมาน
หนุมาน เป็นลิงเผือก หนึ่งในตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ ที่มีฤทธิ์มากต่อสู้กับทศกัณฐ์ ซึ่งเป็นยักษ์ หนุมานเป็นลิงที่มีฤทธิ์ สามารถแสดงอิทธิต่างๆ ได้หลายประการ เช่น สำแดงฤทธิ์ให้มี 4 หน้า 8 มือ การขยายตัวให้โตใหญ่ เสียงคำรามอันเกรียงไกร เป็นต้น เชื่อกันว่าหนุมานเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย เมื่อหนุมานมีอิทธิฤทธิ์มากเช่นนี้ พระเกจิอาจารย์ก็ได้สร้างหนุมานเป็นเครื่องรางของขลังขึ้นมา หนุมานตามตำรับโบราณมักจะแกะสลักด้วยไม้ พระอาจารย์ก็จะจารอักขระ และปลุกเสกหนุมาน ภายหลังมีการสร้างหนุมานด้วยเนื้อโลหะ หนุมานมีคุณสมบัติ คงกระพันชาตรี ป้องกันเสนียดจัญไร มีเมตตามหานิยม หนุมานที่เป็นที่นิยม ได้แก่ หนุมานหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ หนุมานหลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร เป็นต้น
9. ลูกประคำ
ลูกประคำ หมายถึงลูกกลม ๆ ที่เอามาร้อยเชือกเป็นพวงใช้สำหรับทำสมาธิด้วยการนับลูกประคำ เพื่อให้จิตนิ่งมีสมาธิ ลูกประคำแต่เดิมนิยมทำด้วยไม้ เช่น ไม้จันทร์ ไม้มงคลต่าง ๆ หลัง ๆ มีใช้วัสดุอื่นมาทำ เช่น หิน หยก พลาสติก โดยจะเจาะรูตรงกลางแล้วร้อยเชือกเป็นพวง นิยมร้อยพวงละ 108 ลูก ตามบทบริกรรมภาวนา อิติปิโส 108 ลูกประคำสามารถพกติดตัว ห้อยคอ หรือถือไป ถือเป็นเครื่องมงคลอย่างหนึ่งเพื่อเจริญสมาธิ
10. น้ำเต้าดูดทรัพย์
น้ำเต้าเป็นผลของพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง คนไทยนิยมเอาน้ำเต้ามาบริโภค โดยผลอ่อนสามารถมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง ส่วนผลแก่ก็ลอกเอาเนื้อในออกแล้วเอาเปลือกไว้ใส่น้ำดื่ม
พระเกจิอาจารย์หลายท่านได้สร้างน้ำเต้าเป็นเครื่องรางของขลังขึ้นมา บางท่านก็นำเอาผลแก่ของน้ำเต้าที่เอาเนื้อออกแล้วมากจารยันต์คาถาแล้วจกจ่ายให้ลูกศิษย์ไปบูชา พระเกจิบางท่านก็จะจำลองน้ำเต้าเป็นลูกเล็ก ๆ แกะจากไม้บ้าง งาบ้าง ทำด้วยพลาสติกบ้าง นำมาปลุกเสกแจกจ่ายให้ลูกศิษย์เอาไปบูชากัน น้ำเต้าดูดทรัพย์ที่เป็นที่นิยมคือ น้ำเต้าดูดทรัพย์หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
อ่านเพิ่มเติม : เพจวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
สรุป
เครื่องรางของขลัง เป็นความเชื่อที่สืบทอดต่อ ๆ กันมา คนสมัยก่อนนำเครื่องรางของขลังมาบูชา เพื่อคุ้มครองตัว คุ้มครองบ้านเรือน ในยุคปัจจุบันเป็นยุคดิจิตอล คนรุ่นใหม่หลายคนไปหลงกับเทคโนโลยี ทำให้มองข้าม เครื่องรางของขลัง ไป แต่ถึงอย่างไรเครื่องรางของขลังก็จะยังอยู่คู่กับสังคมไทย เนื่องจากคนไทยได้สัมผัสกับประสบการณ์ในการบูชาเครื่องรางของขลังกันมามากมาย ความเชื่อนี้จึงเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล ดังสำนวนที่ว่า “ไม่เชื่ออย่าลบลู่”
ข่าวประชาสัมพันธ์
หากที่บ้านของท่านมีพระ และต้องการปล่อยพระ
ติดต่อเราได้เลย
ร้านไมตรีรับเช่าพระ พระเครื่อง พระบูชาเก่า – ใหม่ทุกชนิด ให้ราคาสูงที่สุด จนท่านพอใจ
โทร. 084-4493578
ดูรายละเอียดการรับเช่าพระ ที่นี่