เครื่องรางของขลังธรรมชาติ ธาตุศักดิ์สิทธิ์ มีอยู่มากมายทุกภูมิภาคทั่วโลก แล้วแต่ความเชื่อ ความศรัทธา ของแต่ละพื้นที่อาจแตกต่างกัน วัตถุอย่างเดียวกันแต่อาจเชื่อกันคนละแบบในต่างชุมชน สำหรับคนไทยมีการนำ เครื่องรางของขลังธรรมชาติ มาเป็นวัตถุมงคลประจำบ้าน เอาไว้พกติดตัวมาช้านาน ก่อนยุคที่จะมีพระเกจิอาจารย์สร้างเครื่องรางแจกจ่าย เครื่องรางของขลังธรรมชาติ ที่จะกล่าวในบทความนี้ เป็นเครื่องรางประเภท ธาตุศักดิ์สิทธิ์ เป็นวัตถุทนสิทธิ์ที่มีการเชื่อถือศรัทธาและมีการแสวงหามาตลอด จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันครับ
แนะนำอ่านบทความ 10 อันดับ เครื่องรางของขลัง ยอดนิยม
1. เหล็กไหล
เหล็กไหลเป็น ธาตุศักดิ์สิทธิ์ มีลักษณะสีดำแวววาวคล้ายนิล มีมากมายหลายประเภทเมื่เอาไฟลนทำให้ยืดได้ พบได้ตามผนังถ้ำ เหล็กไหลนั้นคนธรรมดาไม่สามารถตัดได้ เพราะเชื่อกันว่ามีเทวดาหรือเทพภุมเทวาคอยปกปักรักษาอยู่เหล็กไหลมีฤทธิ์ในตัวไม่สามารถเอามือไปสัมผัสโดยตรงได้ การจะตัดเหล็กไหลต้องใช้ผู้ที่มีวิชาอาคมร่ายเวทมนต์สยบฤทธิ์ของเหล็กไหลก่อน จึงจะสามารถตัดได้ เคยมีพรานป่าและชาวบ้านเข้าไปในถ้ำแล้วพยายามไปตัดเหล็กไหล ปรากฏว่าตัดยังไงก็ตัดไม่ออก บางคนเจอดีโดนเหมือนไฟดูดเมื่อเอามือไปสัมผัสกับเหล็กไหล
พุทธคุณ : คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ล้างอาถรรพ์สิ่งชั่วร้าย
2. แร่เกาะล้าน
แร่เกาะล้าน เป็นเหล็กไหลชนิดรอง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ขี้เหล็กไหล เป็นเหล็กไหลชนิดงอกเป็นตระกูลโคตรเหล็กไหลมีลักษณะการงอกเหมือนเม็ดไข่ปลาสีดำมันปนเขียว มองบางมุมเห็นเป็นประกายสีรุ้ง พบมากตามเพดานถ้ำ ขุดเจอใต้ดินก็มี แม้จะเป็นเหล็กไหลชนิดรอง แร่เกาะล้านเป็นแร่ที่อยู่ตามธรรมชาติมีการงอกที่เหมือนกับหินงอกหินย้อยทั่วไป หากนำแร่เกาะล้านมาเลี่ยมใส่กรอบ แร่เกาะล้านยังสามารถขยายขนาดหรืองอกเพิ่มจนดันกรอบออกมาได้เชื่อกันว่าผู้ที่ครอบครองแร่เกาะล้านจะงอกขึ้นมามากน้อยอยู่ที่เจ้าของหมั่นบูชาสวดมนต์ ปฏิบัติดีมีคุณธรรม แร่เกาะล้านก็จะงอกขึ้นมาก
วงการพระเครื่องเชื่อว่า แร่เกาะล้านเป็นธาตุกายสิทธิ์ตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีพิธีกรรมปลุกเสก แร่เกาะล้านจะมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวการตัดแร่เกาะล้านต้องให้ผู้มีความรู้ด้านวิชาอาคมมาตัดแบ่ง แร่เกาะล้านจึงจะคงความศักดิ์สิทธิ์ไว้
พุทธคุณ : คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ขจัดเภทภัย
3. เหล็กน้ำพี้
เหล็กน้ำพี้เป็นเหล็กที่มีความแข็งแกร่ง เนื้อแน่นเหนียว เป็นสนิมยาก คนโบราณเชื่อว่าเหล็กน้ำพี้เป็นโลหะมหัศจรรย์อานุภาพ มีพลังในตัว มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ เป็นแร่มงคลมีเทวดาปกปักรักษาอยู่ เชื่อกันว่าเหล็กน้ำพี้เป็นเหล็กไหลประเภทหนึ่ง เหล็กน้ำพี้ พบมากที่ตำบลน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์
เหล็กน้ำพี้นิยมนำมาทำเป็นศาตรวุธ เมื่อตีเป็นดาบจะมีสีเป็นนิลแวววาว บางมีสีคล้ายปึกแมลงทับ ทหารหาญในสมัยก่อนนิยมกันมาก เนื่องจากดาบเหล็กน้ำพี้ไปต่อสู้กับข้าศึกได้รับชัยชนะอยู่เสมอ ดาบคู่ของพระยาพิชัยดาบหัก ว่ากันว่าก็เป็นดาบที่ผลิตจากเหล้กน้ำพี้เช่นกัน
ตามตำราโบราณ การที่จะลอมเหล็กน้ำพี้ต้องมีสวดมนต์กำกับโดยอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ หากใส่ส่วนผสมของ เหล็กยอดเจดีย์ ยอดพระปรางค์ ที่ล้มวันคืนเดือนเพ็ญ มาหลอมด้วยแล้วจะเพิ่มความแข็งแกร่ง พลังความศักด์สิทธิ์ของศาตราวุธที่หลอมขึ้นมา ยากที่อาวุธใด ๆ จะต่อกรด้วย เหล็กน้ำพี้ยังได้นำมาเป็นมวลสารศักดิ์สิทธิ์ในการสร้างพระเครื่องอีกด้วย เช่น พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เป็นต้น
พุทธคุณ : คงกระพันชาตรี มหาอุตย์ แคล้วคลาด ป้องกันภูติผีปีศาจ
แนะนำอ่านบทความ 10 อันดับ เครื่องรางของขลัง ยอดนิยม V.2
4. แร่บางไผ่
“แร่บางไผ่” เป็นธาตุกายสิทธิ์ เป็นเหล็กไหลชนิดหนึ่ง ขุดพบที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
เชื่อกันว่าแร่บางไผ่เป็นแร่มีชีวิตต้องนำมาแช่ด้วยน้ำคาวปลาเศษเนื้อ จะทำให้แร่บางไผ่อยู่ในสภาพที่มีเนื้อแร่เหล็กอยู่ แต่ถ้าปล่อยให้น้ำแห้ง หรือเอาขึ้นมาบนบกนานๆ แร่บางไผ่ก็จะตาย กลับกลายเป็นแค่ก้อนหินก้อนดินธรรมดาผู้ที่ทำให้แร่บางไผ่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ก็คือ หลวงปู่จัน วัดโมลี โดยท่านได้เอาแร่บางไผ่ มาสร้างเป็นพระปิดตาแร่บางไผ่อันโด่งดัง หลวงปู่จันท่านมีความรู้ด้านแร่ธาตุ ท่านจึงเอาแร่บางไผ่มาเล่นแร่แปรธาตุสร้างเป็นพระปิดตาแร่บางไผ่ขึ้นมา พระปิดตาแร่บางไผ่ของท่าน มีผู้นำไปใช้แล้วได้รับประสบการ์ปาฏิหาริย์มากมาย เป็นที่ต้องการของคนในวงการพระเครื่อง ราคาสูงเป็นเรือนแสนปัจจุบันหายากมาก
พุทธคุณ : คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม โชคลาภ ดูดทรัพย์
อ่านบทความแร่บางไผ่เพิ่มเติมได้ ที่นี่
5. เพชรหน้าทั่ง
เพชรหน้าทั่ง หรือ “แร่ไพไรต์” (Pyrite) มีลักษณะเป็นผลึกโลหะเล็ก ๆ จำตัวกันเป็นก้อน ประกอบด้วยธาตุที่มีแร่ทองคำ แร่เงิน ผสมอยู่ มีสีเหลืองนวล ประกายเงินประกายทองพบตามในถ้ำลึกที่มีน้ำไหลผ่าน
การพบเพชรหน้าทั่งในครั้งแรก พบที่เขาเจ็ดยอดใน จังหวัดพัทลุง โดยท่านพระอาจารย์เมือง พลวัฑโฒท่านเป็นพระป่าท่านได้ธุดงค์ผ่านมาพบโดยบังเอิญ ท่านได้รู้ด้วยญาณวิเศษของท่านทำให้รู้ว่าเพชรหน้าทั่งเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ ท่านจึงได้เก็บนำมาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์และญาติโยมไว้บูชา เชื่อกันว่า เพชรหน้าทั่งมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว ทุกก้อนมีเทวดาอารักขาอยู่ ใครได้เพชรหน้าทั่งไปแต่ไม่อยู่ในศึลธรรม ก็จะมีเหตุให้เพชรหน้าทั่งหายไป
พุทธคุณ : คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม
6. เขี้ยวเสือ
เสือถือได้ว่าเป็น “เจ้าป่า” เป็นยอดพยัคฆ์ที่มีพลังอำนาจเป็นที่เกรงขามของเหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่ โดยเฉพาะเสือโคร่งที่มีความดุดันบวกกับความเด็ดขาดในการล่าเหยื่อเสือไม่เคยยำเกรงว่าเหยื่อที่ตนล่าจะเป็นสัตว์ชนิดไหน เล็กหรือใหญ่โตกว่าตนเอง เหยื่อที่เสือหมายปอง ล้วนต้องสยบคาคมเขี้ยวของยอดพยัคฆ์แห่งพงไพรแทบทั้งสิ้น
ด้วยความที่เสือเป็นราชาแห่งพงไพรนี้เอง คนไทยนิยมเอาชิ้นส่วนของเสือมาทำเป็นเครื่องรางของขลัง ไม่ว่าจะเป็น หนังเสือ เล็บเสือ โดยเฉพาะ เขี้ยวเสือ ซึ่งถือว่าเป็น “ราชาแห่งเครื่องรางของขลัง” เขี้ยวเสือเป็นเครื่องรางยอดนิยมอันดับหนึ่ง เขี้ยวเสือที่นำมาทำเครื่องราง แบ่งออกได้เป็นลักษณะดังนี้
6.1 เขี้ยวเสือเต็มเขี้ยว คือ เขี้ยวที่ถอดทั้งเขี้ยวทั้งรากออกจากเหงือกทั้งอัน
6.2 เขี้ยวเสือครึ่งเขี้ยว คือ เขี้ยวที่กถอดรากออกจากเหงือกทั้งอันแล้วนำมาผ่าแบ่งครึ่ง
6.3 เขี้ยวซีก คือ การเอาเขี้ยวเต็มมาผ่าแบ่งเป็นชิ้นๆ แล้วนำมาแกะ เป็นวัตถุมงคลต่าง ๆ
เขี้ยวเสือของพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับความนิยม คือ เขี้ยวเสือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
เขี้ยวเสือแกะ อาจารย์เฮงไพรวัลย์ เขี้ยวเสือ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ เขี้ยวเสือหลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน
พุทธคุณ : คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดจากศตราวุธทั้งปวง ขับไล่เสนียดจัญไร
7. งาช้าง
“งาช้าง” จริง ๆ แล้วเป็นฟันตัดแถวบนที่งอกออกมาจากปากช้าง ช้างแอฟริกันจะมีงายื่นออกมาทุกตัว แต่ช้างเอเชียจะมีเพียงช้างตัวผู้เท่านั้นทีมีงายื่นออกมา ช้างตัวผู้ที่มีงายาวว่า เรียกว่า ช้างพลาย และช้างตัวผู้ที่ไม่มีงา เรียกว่า ช้างสีดอ ช้างตัวเมีย เรียกว่า ช้างพัง บางครั้งอาจพบช้างพังมีงายื่นออกมา เรียกว่า ขนาย
คนไทยส่วนใหญ่รักและเอ็นดูช้าง ถือว่าช้างเป็นสัตว์มงคลถึงกับยกย่องให้เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองในสมัยโบราณใช้ช้างเป็นพาหนะ นำช้างมาใช้แรงงาน นำช้างมาร่วมออกรบ
ช้างเป็นสัตว์แสนรู้ มีความเฉลียวฉลาด สามารถนำมาฝึกมาสอนได้ ช้างนำมาฝึกให้แสดง โชว์ลีลาต่าง ๆ ได้ ฯลฯ
งาช้าง คนไทยเชื่อว่าเป็นของมงคล งานช้างคู่นิยมมาตั้งประดับบนโต๊ะหมู่บูชา ชิ้นส่วนงาช้างนำมาทำเป็นเครื่องประดับได้หลากหลาย วงการพระเครื่องนิยมงานช้างได้ถูกนำมาสร้างเป็นวัตถุมงคล เช่น พระพุทธรูป พระเครื่อง มีดหมอ ปลักขิก เครื่องรางอื่น ๆ อีกมากมาย
วงการพระเครื่องใหความนิยมงาช้างแกะของ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, สิงห์งาแกะ หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก
พุทธคุณ : เด่นทางด้าน เมตตามหานิยม โชคลาภ อยู่เย็นเป็นสุข
บทความเพิ่มเติม 10 อันดับ เครื่องรางของขลัง ยอดนิยม V.3
8. เขี้ยวหมี
เขี้ยวหมี จะมีรูกลวงอยู่ในเขี้ยว เหมือนเขี้ยวสัตว์อื่นทั่วไป ตามตำรับโบราณมักจะใช้เขี้ยวหมูทั้งท่อนทั้งเขี้ยวที่อยู่บนเหงือกและรากเขี้ยวเขี้ยวหมีนั้นนิยมนำมาแกะเป็นรูปเสือ
โดยพระเกจิอาจารย์ที่นำเขี้ยวหมีมาแกะเป็นรูปเสือ ได้แก่ หลวงพ่อนก วัดสังกะสี
พุทธคุณ:เสริม สมาธิสติปัญญา เฉลียวฉลาด อายุยืน ห่างไกลโรคภัย ให้โชคให้ลาภมีมหาเสน่ห์
9. เขี้ยวหมูตัน
เขี้ยวหมูป่า มีรูปลักษณะค่อนข้างแบนออกเหลี่ยมโค้งยาว ปลายแหลม โค่นเขี้ยวเป็นรูกลวงลึกเข้าไปเกือบสุดปลายเขี้ยวเขี้ยวหมูป่าจะเป็นเขี้ยวกลวงเกือบทั้งนั้น จะหาเขี้ยวแบบตันนั้นยากมาก
เขี้ยวหมูป่า เต็มเขี้ยวจะมีลักษณะยาวโค้งมนสวยงามเป็นครึ่งวงกลมจะมีรูกลวงตั้งแต่รางฟันไปจนถึงปลายเขี้ยวหรือกลางเขี้ยว แต่จะมีหมูป่าบางตัวที่มีเขี้ยวที่ไม่มีรูกลวงหรือเรียกว่า รูตัน จึงเป็นที่มาของ “เขี้ยวหมูตัน” หมูป่าตัวที่มีเขี้ยวตันส่วนมากจะเป็นตัวผู้ ซึ่งหายากมาก เชื่อว่าหมูป่าตัวที่มีเขี้ยวตัน จะเป็นหมูที่ฉลาด ไหวพริบดี ว่องไว หลบหลีกเก่ง วิ่งเร็ว เป็นหมูป่าที่พรานอยากได้มากที่สุดแต่ก็หายากที่สุดเช่นกัน
พุทธคุณ : เขี้ยวหมูตันเป็นของวิเศษในตัว ให้คุณทางคงกระพันชาตรี เมตตามหาเสน่ห์ แคล้วคลาด
10. เขี้ยวลิงบาบู
เนื่องจากระยะหลังเขี้ยวเสือเริ่มหายาก ประกอบกับเสือเป็นสัตว์ป่าสงวน การซื้อขายชิ้นส่วนของเสือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย พระเกจิอาจารย์หลาย ๆ สำนักจึงหันมาใช้เขี้ยวลิงบาบูแทน เนื่องจะจากลิงบาบูเป็นลิงตัวใหญ่ มีเขี้ยวอันใหญ่ รูปทรงเขี้ยวสวยงามได้สัดส่วน เหมาะจะมาแกะ พระเกจิอาจารย์รุ่นหลัง ๆ จึงนำมาแกะเป็นรูปเสือแล้วจารอักขระคาถา ปลุกเสก ใช้แทนเขี้ยวเสือได้ พุทธคุณเหมือนเขี้ยวเสือ
พระเกจิอาจารย์ที่นำเขี้ยวลิงบาบูมาแกะเป็นเสือ ได้แก่ เขี้ยวลิงแกะเสือ หลวงพ่อเณร วัดทุ่งเศรษฐี หลวงพ่อแก่ วัดบางผึ้ง หลวงพ่ออนันต์ วัดบางพลีน้อย
สรุป
การยอมรับเครื่องรางที่เป็ เครื่องรางของขลังธรรมชาติ นั้น เป็นของมงคล แม้ไม่ได้เข้าพิธีปลุกเสกใด ๆ เป็นของที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ธาตุศักดิ์สิทธิ์ แบบนี้มีผู้เคยนำไปใช้แล้วได้รับประสบการณ์ในการคุ้มครองปกป้องรักษา จะด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของตัววัสดุนั้นเอง หรือด้วยเหตุอื่นประการใด แต่ด้วยเหตุประจวบเหมาะคนพกเครื่องรางไว้ติดกายแล้วมีเหตุให้รอดพ้นจะภัยอันตรายใด เมื่อมีผู้พบเหตุการณ์อัศจรรย์กันหลาย ๆ คน ก็มีการพูดกันปากต่อปากถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเครื่องรางดังกล่าว ดังนั้นเครื่องรางของขลังธรรมชาติ ที่คนในสังคมยอมรับจึงเป็นของจริง ไม่ใช่ดังเพราะกระแสแต่อย่างไร